วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผิวกระจ่างใส...ด้วยพลังผักผลไม้

ผิวกระจ่างใส...ด้วยพลังผักผลไม้ article

มลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด และความเครียด เป็นศัตรูตัวร้ายของผิวพรรณที่คอยบ่อนทำลายผิวสวย แก้มใสของคุณให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ไม่พิสุทธิ์ใสอย่างวัยแรกสาว

คุณไม่ต้องวิตกกังวใจจนถึงขั้นซื้อหยูกซื้อยารักษาสิวฝ้า มาร์คหน้า พอกหน้าด้วยสารพัดเครื่องสำอางราคาแพงลิบลิ่ว ก่อนสิ่งอื่นใดคุณน่าจะลองมองหาวิธีการแก้ไขในเบื้องต้นที่จะช่วยบำบัดผิวให้กลับมากระจ่างใส ด้วยพืชผักผลไม้ที่เรียกได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ แถมยังหาง่ายมีใกล้ๆตัวค่ะ คืนความสดใสแก้ไขผิวอ่อนล้าไม่สดใส

ผิวแห้งเหี่ยวย่นขาดความนุ่มชุ่มชื่นลองใช้แตงกวาสดๆล้างน้ำให้สะอาด นำไปสับหรือปั่น คั้นเอาแต่น้ำ นำมาทาบางๆให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออก ผิวหน้าของคุณจะสดใสมีชีวิตชีวา สามารถช่วยคืนความสดชื่นให้กับผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผิวหน้าที่อ่อนล้าและทรุดโทรม หรือจะใช้ชาซึ่งในใบชามีสารบางชนิดเป็นยาฝาดประสานอยู่ ช่วยเคลือบผิวที่บอบช้ำให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยนำใบชาที่ต้มแล้วบรรจุลงบนถุงผ้าสะอาดบางๆ ขนาดเล็ก แล้ววางบนใบหน้าหรือบริเวณรอบดวงตา ช่วยให้ผิวหน้าและผิวรอบดวงตาชุ่มชื่นสดใสได้อีกครั้ง คืนผิวสวยเนียนใส ไร้รอยด่างดำ

ผิวหน้ามากด้วยสิว ฝ้า ริ้วรอย จุดด่างดำ ไม่ขาวนวลกระจ่างใส แนะนำให้ใช้น้ำผึ้งแท้ๆ และมะขามเปียก นำมาผสมกันในอัตราส่วนที่เข้มข้นทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกจะช่วยให้ผิวหน้าคุณนวลเนียนผ่องใส ไม่หมองคล้ำ ดูเกลี้ยงเกลามากยิ่งขึ้นค่ะ หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำ 1:1 มาให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออก ทำวันละ 1 ครั้ง เพื่อสิว ฝ้า จุดด่างดำค่อยๆเลือนหาย แล้วผิวยังนุ่มนวลอีกด้วยค่ะ
ให้ผิวสวยยิ่งสวยเปล่งปลั่ง

บำรุงผิวสาวให้ยิ่งสดใส ด้วยผลอโวคาโด ซึ่งเป็นผลไม้ของฝรั่ง เปลือกสีเขียว ผิวมีลักษณะขรุขระ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี ซี ดี และอี โดยก่อนที่คุณจะเข้านอนให้นำผลอโวคาโดประมาณ 1/2 ของผล มาบดหรือปั่นให้ละเอียดจนเหมือนเนยเหลว แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้สักครู่ แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วค่อยล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณยิ่งเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น น่าสัมผัสค่ะ หรือใช้มะเขือเทศสุกสดๆมาปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาพอกที่ผิว ซึ่งในน้ำมะเขือเทศสุกมีสารที่ช่วยในการขจัดเชื้อแบคทีเรียตามรูขุมขน ช่วยให้ผิวสดใสยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสมานผิวให้นุ่มชุ่มชื่น เต่งตึงมีน้ำมีนวล
สมานผิวให้นุ่มชุ่มชื่น ด้วยวุ้นจากว่านหางจระเข้ โดยใช้วุ้นที่ตัดออกมาใหม่ๆจากต้น ล้างยางสีเหลืองออกให้สะอาด แล้วนำวุ้นมาตีปั่นให้ละเอียดก่อนนำมาพอกที่ผิว จะช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มมีสุขภาพดี อีกทั้งยังช่วยสมานแผลได้อีกด้วยค่ะ

แต่ถ้าหากผิวหน้าของคุณมีสิวฝ้ามาก ทั้งสิวอักเสบ รอยแผลเป็น จุดด่างดำ ฝ้าลึก กระที่เกิดขึ้นมากจนไม่สามารถจะใช้ธรรมชาติบำบัดผิวได้ การไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจรักษา ก็คงจะเป็นการดีกว่าที่ไปหาซื้อยาหรือเครื่องสำอางที่เราก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่ามีมาตรฐาน และความปลอดภัยจริงไหมคะ

ที่มา: http://www.siamdara.com/VarietyK/00011859.html และ เวชสำอางค์

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผิวของคุณ แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย หรือเปล่าค่ะ

ผิวของคุณ แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย หรือเปล่าค่ะ

ผิวแห้งกร้าน ถ้าใช่ คุณอาจมี ผิวแห้ง ค่ะ สภาพ ผิวแห้ง สร้างปัญหาได้มาก ทั้งริ้วรอยก่อนวัย เป็นผดผื่นคันได้ง่าย แต่คุณสามารถดูแล ผิวแห้ง ได้อย่างถูกวิธี และ วิธีป้องกันปัญหาเหล่านี้ ได้ไม่ยากค่ะ
ลักษณะของ ผิวแห้ง
ผิวแห้ง จะมีรูขุมขนที่ละเอียด แต่ ผิวแห้ง กร้าน และอาจรุนแรงถึงลอกเป็นขุย ผิวไม่นุ่มนวล มักมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ก่อนวัยได้ง่ายค่ะ
สาเหุตุของ ผิวแห้ง
ผิวแห้ง มีหลายสาเหตุค่ะ อย่างแรกที่เกี่ยวกับผิวโดยตรง ก็คือ ต่อมผลิตไขมันทำงานลดลง ผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ และ ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้ ระดับน้ำในชั้นใต้ผิวซึ่งตามปกติจะอยู่ราว 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อไหร่ที่ลดลงเหลือน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ผิวจะจะเริ่ม แห้ง จนสังเกตได้ เกิดเป็นริ้วรอยเล็กๆ หรือที่เรียกกันว่า fine line นอกจากนี้ ผิวแห้ง ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพแวดล้อมรอบตัว การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง และ รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยอื่นๆทำให้ ผิวแห้ง
สภาพแวดล้อมจะส่งผลกระทบต่อผิวง่ายมาก เช่น
- ความชื้นในอากาศ อย่างวันที่อากาศแห้งเกินไป อากาศที่หนาวจัด หรือ ลมหนาว พวกนี้ทำให้ ผิวแห้ง ทั้งนั้น
- แสงแดด คนที่อยู่กลางแดดจัดๆ เป็นเวลานานสังเกตุดู ผิวจะเริ่ม แห้งกร้าน ถ้าไม่มีการทาครีมกันแดดผิวก็จะเริ่ม แห้ง ลงเรื่อยๆ และ ก่อให้เกิดริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น
- มลภาวะต่างๆ ทำให้ ผิวแห้ง ได้ง่าย เพราะ ผิวถูกทำลายอยู่ตลอดเวลา

การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง
การดูแลผิวที่ถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญค่ะ เพราะบางครั้ง ผิวแห้ง เกิดจากกระทำของเราเอง เช่น สบู่ล้างหน้าที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว ใช้มาส์ก หรือ สครับขัดผิวบ่อยเกินความจำเป็น หรือ ใช้โลชั่นเช็ดผิวที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการรบกวนชั้นผิวบางๆชั้นบนสุดของผิว ทำให้ผิวถูกทำลายและสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติของผิวไป ทำให้ผิวเริ่ม แห้ง ส่วนคนที่ไม่ค่อยทะนุถนอมผิว เช่น เช็ดหน้าแรงๆ ก็ทำให้ ผิวแห้งกร้าน ขึ้นได้ การล้างหน้าด้วยน้ำที่ร้อนเกินไปก็ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้เช่นกัน

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอายุ
เมื่อเราแก่ตัวลง ฮอร์โมนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของผิวก็เริ่มลดลง ทำให้ผิวเริ่มขาดความชุ่มชื้น เริ่มแห้ง จนสังเกตได้ นั่นคือคำตอบที่ว่า ทำไมคนที่อายุมากๆจึงต้องกระตือรือร้นที่จะหาครีมบำรุงมาทาผิวเพื่อช่วยทดแทนสิ่งที่ขาดไป ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้นานที่สุดเท่าที่จะมากได้
และสุดท้ายเลยก็คือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ หรือ คาเฟอีนมากไปก็มีส่วนทำร้ายผิวให้ แห้งกร้าน ได้ เช่นคนที่ความดื่มน้ำอัดลม กาแฟ และคนที่สูบบุหรี่จัดๆ ผิวหน้าจะไม่สวย จะ แห้ง และดูแก่เร็วมาก
ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าคน ผิวแห้ง จะมีริ้วรอยก่อนวัยหรือดูแก่เร็วกว่าคนอื่น

ริ้วรอยที่เกิดจาก ผิวแห้ง กับ ริ้วรอยที่เกิดจากวัยนั้นต่างกัน คนที่มี ผิวแห้ง อาจมีริ้วรอยง่ายกว่าคนที่มีผิวมัน แต่มันจะเป็นแค่ริ้วรอยชั่วคราว เป็นแค่ริ้วรอยบางๆที่เกิดจาก ผิวแห้งแตก (ตามธรรมชาติของคน ผิวแห้ง) เราเรียกกันว่า fine line อาจเกิดจากการที่ผิวได้รับการบำรุงไม่พียงพอ ขาดความชุ่มชื้น ร่างกายขาดน้ำ
แต่ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ถ้าผิวได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ริ้วรอยเหล่านั้นก็จะหายไปได้ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าคน ผิวแห้ง จะดูแก่เร็วกว่าคนอื่น เพียงแต่ต้องบำรุงมากกว่าปกติเท่านั้น คน ผิวแห้ง บางคนดูแลผิวอย่างดี มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ทำให้ผิวดูดี สดชื่นได้
ส่วนริ้วรอยที่เกิดจากวัยนั้นไม่ว่าจะมี ผิวแห้ง หรือ ผิวมันก็ต้องมีทุกคน เป็นริ้วรอยที่เลี่ยงไม่ได้ และเป็นริ้วรอยที่ถาวรค่ะ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นคน ผิวแห้ง หรือไม่
ผิวแห้ง
ถึงแม้ว่าทุกคนอาจจะมีโอกาส ผิวแห้ง ได้บางขณะ เช่น เวลาอยู่บนเครื่องบิน หรือ เวลาดื่มน้ำไม่เพียงพอ แต่คนที่จัดว่าเข้าข่าย ผิวแห้ง นั้น จะมี ผิวที่แห้ง กว่าคนอื่นอย่างสังเกตได้ชัดเจน เช่น
หลังอาบน้ำเสร็จถ้ารู้สึกว่า ผิวเริ่มแห้ง มีอาการคันและระคายเคือง ทั้งที่อาบน้ำเสร็จมาไม่กี่นาทีนี้เอง นั่นหมายความว่าคุณเข้าข่าย ผิวแห้ง ได้

หรือถ้าอยากทดสอบง่าย ๆ หลังการล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนๆและน้ำอุ่นๆเสร็จแล้ว ให้ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ห้ามทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ใด ๆ เด็ดขาด ทิ้งเอาไว้ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นเอากระดาษซับมันแปะไว้ที่จุดต่างๆของใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก แก้ม จมูก และคาง เสร็จแล้วเอากระดาษซับมันออกมาดู
ถ้าเกิดกระดาษซับมันแผ่นไหนไม่มีน้ำมันลย คือ ส่องดูกับแดดแล้วไม่มีส่วนไหนโปร่งแสงเลย ก็แสดงว่าส่วนนั้นเป็นส่วนที่ ผิวแห้งสำหรับคนผิวผสมนั้น กระดาษที่แปะไว้ตรงจมูกและคางอาจจะมัน ส่วนที่หน้าผากและแก้มอาจจะ แห้ง สนิท ในขณะที่คนผิวมันนั้นกระดาษทุกแผ่นจะมันจนเห็นได้ชัด

การดูแลผิวสำหรับ ผิวแห้ง
ทาครีมบำรุงผิว ผิวแห้งสำหรับผู้ที่มี ผิวแห้ง ควรต้องบำรุงผิวให้มาก คน ผิวแห้ง ควรจะทามอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเก็บกักน้ำและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และ ช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื่นได้ โดยเฉพาะหลังการล้างหน้า
นอกจากนี้การล้างหน้าก็สำคัญค่ะ ผู้ที่มี ผิวแห้ง ควรล้างหน้า เพียงวันละ 2 ครั้ง หรือ อาจล้างหน้าวันละครั้งในตอนเย็นก็ได้ ส่วนตอนเช้าแค่น้ำสะอาดเปล่าๆ งดการ ล้างหน้า ด้วยน้ำค่อนข้างร้อน และ ควรเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น หรือ มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง และ ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับปราการที่ปกป้องผิวหนังตามธรรมชาติ หลังล้างแล้วไม่ทำให้ ผิวแห้ง ตึง
ส่วนวิธีง่ายๆอย่างการดื่มน้ำเยอะๆ ก็เป็นวิธีที่ดีมาก เพราะเมื่อร่างกายขาดน้ำ นั่นหมายถึง ผิวสวยก็ขาดความชุ่มชื้นไปด้วย ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้วเป็นดีที่สุด แต่ดื่มมากไปก็ใช่จะช่วยได้มาก เพราะถ้ามากเกินปริมาณที่ร่างกายจะรับได้ มันเป็นถ่ายเทออกมาเป็นของเหลว เช่น ปัสสาวะ โดยอัตโนมัติทันที

อีกวิธีที่เป็นวิธีทางอ้อม แต่ช่วยผิวได้ ก็คือ การเอาน้ำใส่แก้วแล้ววางไว้ใกล้ๆตัว ทั้งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือที่ทำงาน โดยเฉพาะห้องที่มีความแห้งในอากาศ อย่างห้องแอร์ เพราะน้ำจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นน้อยลง
ดังนั้นคนที่ ผิวแห้ง ถ้ารู้จักวิธีดูแลและป้องกันก็ช่วยให้ผิวดูดีได้นะคะ เพราะข้อได้เปรียบของคน ผิวแห้ง ก็คือ มีรูขุมขนเล็ก ผิวเลยดูละเอียด เรียบเนียน และ แทบจะไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องสิวเลย
ที่มา: http://www.derminet.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=19&Id=571829

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กรดไฮยาลูรอนิค หรือ Hyaluronic Acid (HA) เพื่อการบำรุงผิว และลดเลือนริ้วรอย

กรดไฮยาลูรอนิค หรือ Hyaluronic Acid (HA) เพื่อการบำรุงผิว และลดเลือนริ้วรอย article

กรดไฮยาลูรอนิค หรือ Hyaluronic Acid (HA) เพื่อการบำรุงผิว และลดเลือนริ้วรอย

คนส่วนใหญ่ เวลาที่นึกถึงสาเหตุถึงความชรา ความหย่อนยานของผิว ริ้วรอยที่ปรากฏขึ้น หรือผิวที่ขาดความชุ่มชื่น มักจะคิดถึงแต่คอลลาเจน (Collagen), อิลาสติน (Elastin) และการแสดงอารมณ์บนผิวหน้าอย่างสุดซึ้งไปเท่านั้น แต่ยังลืมนึกไปว่า สิ่งที่สำคัญมากอีกตัวหนึ่งนั้นก็คือ กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic acid, HA) หรือไฮยาลูรอน ที่เราเคยรู้จักหรือได้ยินจากโฆษณาว่าเป็นส่วนผสมอยู่ในเครื่องสำอางเพื่อการลดเลือนริ้วรอยต่างๆนั่นเอง

Hyaluronic Acid (HA) คืออะไร???

Hyaluronic acid (HA) คือกรดที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมา มีอยู่ทั่วไปตามร่างกาย และโดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ เพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่น เช่นจุดเชื่อผมต่อบริเวณหัวเข่า ถ้าขาดสารตัวนี้ จะมีผลทำให้การเดินจะเจ็บปวดเพราะว่าไม่มีตัวช่วยลดการเสียดสีระหว่างกระดูกข้อต่อนั่นเอง, จะเห็นว่ามันยังถูกใช้ในวงการแพทย์อีกด้วย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ที่กว้างขวางของ HA ต่อวงการแพทย์

ประโยชน์ของ กรดไฮยาลูรอนิค ที่มีต่อผิวหน้า

แต่สำหรับผิวหน้าของเรานั้น กรดตัวนี้จะถูกผลิตขึ้นและถูกหล่อเลี้ยงจากบริเวณผิวหนังชั้น dermis (ผิวชั้นล่าง) และกระจายไปถึงผิวหนังชั้น epidermis (ผิวหนังชั้นบน) บทบาทสำคัญที่เราควรตระหนักก็คือ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปกติหลายเท่าเลย (โดยที่ไม่เพิ่มความมันแบบที่ไม่ดี sebum บนผิวชั้นนอก ดังนั้นคนที่มีผิวมันก็สบายใจขึ้นมาบ้าง) เมื่อผิวมีความชุ่มชื่นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนกว่าเยาว์ ดูเนียนเรียบขึ้น ริ้วรอยลดลง มีความยืดหยุ่น นุ่มนวล และดูมีชีวิตชีวา กรดไฮยาลูรอนิคยังช่วยให้รักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วกว่าเดิม 80% อีกด้วย นั่นหมายความว่าผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น ผลดีอีกข้อนั่นก็คือการช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้นด้วย (plump effect) และโดยปรกติการไหลเวียนของเลือดจะเป็นตัวนำของเสียออกจากเซลล์ตามธรรมชาติ แต่สำหรับเซลล์ผิวที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง กรดไฮยาลูรอนิคนั้นขะช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวในส่วนนั้น และยังช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์เหล่านั้น

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ตั้งแต่ 30-40 ขึ้นไป การผลิตกรดไฮยาลูรอนิคตามธรรมชาติก็ลดน้อยลงไปด้วย ผลก็คือผิวที่จะสูญเสียความชุ่มชื่น ผิวแห้งขึ้น และขาดความยืดหยุ่น สิ่งที่จะตามมาไม่ช้านั่นก็คือ ริ้วรอยที่จะเพิ่มมากขึ้น และความแก่ชราก็จะปรากฏชัดขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิคสำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรือผู้ที่มีผิวแห้ง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกเหนือไปจากการบำรุงและเสริมสร้างแต่เพียง collagen - elastin และลดริ้วรอยแค่พื้นผิวภายนอกตามปรกติค่ะ

ต้องขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ K.Startnow Blog จากเว็บไซต์ http://www.bloggang.comที่ได้ให้ความกระจ่างกับเราว่าทำไมหลังการใช้ HA ไปแล้วถึงมีผลหลังการใช้ในทางที่ดีขึ้นหลายๆอย่าง นอกจากการให้ความชุ่มชื่น และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าด้วยนะคะ

ที่มา: http://www.thainn.com/blog.php?m=hommspa&d=2242