วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คุยเฟื่อง เรื่องครีมกันแดด (ตอนจบ)

คุยเฟื่อง เรื่องครีมกันแดด (ตอนจบ) article

บทความ ของ http://www.vinegargirl.com/2006/03/10/what-is-uva-uvb-water- resistant-water-proof-sunscreen-information/

------------------------

ครั้งที่แล้วทำ เป็นแอบวงเล็บ (ตอนที่ 1 ) ทำเหมือนน่าจะมีหลายตอน…จริงๆ ก็มีแค่เนี้ยหล่ะค่ะ..5555555 (ทำหน้าภาคภูมิจายในความมั่วนิ่ม!) ว่าแล้วก็มาทำความรู้จักกับครีม กันแดดกันต่อเลยค่ะ

All About Sunscreen

PA+ / PA++ // PA+++
หลายๆคนคงคุ้นๆเจ้า PA กันมาบ้างนะคะ..เอ่อ! PA นะเคอะ ไม่ช่าย PO เหอๆๆ อันนั้นต้องเมางาน อาหารกลางวันไม่ย่อยแน่ๆค่ะ
ตอนนี้ครีมกันแดดมักจะปะ PA+ หรือบวกบวก หรือบวกบวกบวก ไม่ใช่เสียค่า VAT 7% + กับ service charge อีก 10% นะคร้าบบบพี่น้อง แต่เป็นหน่วยวัดระดับการปกป้องรังสียูวีเอ (ถ้ายังงงๆ ขอทบทวนบทเรียนเก่ากันก่อนนะคะนักเรียน SPF เนี่ยเป็นค่าการปกป้องผิวของครีม กันแดดจาก รังสียูวีบีค่ะ) แต่ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดหน่วยบอกระดับการซึมซับยูวีเอ อย่างละเอียดแบบ SPF เพราะฉะนั้นค่า PA เลยเป็นแค่การบอกคร่าวๆด้วยเครื่องหมาย + ค่ะ (ไม่มีลบ คูณ หารนะเคอะ! <- มันยังจะกล้าเล่นมุขนี้อีกคร้าบบบทั่นผู้ชม!! - -") ที่เค้ามี + กันมีอยู่ 3 ระดับค่ะ จริงๆแล้ว PA+ ก็เพียงพอในการทำกิจกรรมเกือบทุกประเภทของคุณสาวๆแล้วหล่ะค่ะ แต่ถ้าต้องอยู่กลางแดดนานๆ ก็เพิ่มเป็น PA++ หรือระดับสูงสุดที่ PA+++ ก็ได้ค่ะ

สองศรีพี่น้อง UVA & UVB ยูวีบี (ผู้น้อง) จะทำให้เกิดอาการแสบร้อนผิว ผิวไหม้ได้ค่ะ ส่วน ยูวีเอ (ผู้พี่) มาแบบไม่รู้ตัว เพราะเราไม่รู้สึกแสบร้อนเวลาโดน แต่อิทธิฤทธิ์เหลือร้ายค่ะ เพราะคุณพี่เค้าทำให้สาวๆเราหน้าตาเหี่ยวย่น เป็นฝ้า และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ค่ะ

Water Resistant กับ Waterproof
จริงๆแล้วไม่มีครีมกันแดดตัวใดที่สามารถกันน้ำ (Waterproof) ได้ดั่งที่ฉลากแปะไว้ ยังไงก็ต้องทำซ้ำเวลาเหงื่อออก หรือหลังลงเล่นน้ำค่ะ เลยน่าจะเป็นการเล่นภาษาในการโฆษณามากกว่าค่ะ
ส่วนครีมกันแดดที่ระบุไว้ว่า Water Resistant จะมีส่วนผสมจากพลาสติกสร้าง แผ่นฟิล์มเคลือบครีมกันแดดให้ติดแน่น แม้จะเปียกน้ำ ฉะนั้นเวลาทาครีมกันแดดชนิดนี้แล้วลงน้ำนาน 40 นาที ค่า SPF ก็ยังคงที่ แล้วในตลาดก็ยังมี Very Water Resistant (แบบขอมีสูตรโชว์เหนือกว่า นี๊ดดดส์นึง) ก็จะทำให้ทนน้ำได้นานยิ่งขึ้นเป็น 80 นาทีค่ะ แต่ไม่น่าจะใช้เป็นประจำค่ะ เพราะมันเหนียวเหนอะภายใต้เมคอัพของสาวๆค่ะ

มีคำถามหลัง ไมค์มาจากเรื่อง Physical กับ Chemical ที่ บอกไว้ในตอนแรกค่ะ
จริงๆแล้วทั้งคู่ต่างก็เป็นสารเคมีนะคะ เพียงแต่การเล่นคำโฆษณา (อีกแล้นครับท่าน!) ที่ได้โอกาสเรียก Physical หรือ “Non-Chemical” อาจ ทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าไม่ได้เป็นสารเคมี แต่นั่นคือชื่อชนิดของครีมกันแดดเฉยๆนะคะ confirm ค่ะว่าทั้ง 2 ชนิดต่างก็เป็นสารเคมี แต่หน้าที่การทำงานแตกต่างกันไปค่ะ

  • ครีมกันแดดแบบ Physical เค้าก็พยายามผลิตคิดค้นที่ทำให้ หน้าตาไม่ขาววอกเกินเหตุ อย่าเช่นของ DDF Moisturizing Photo-Age Protection SPF 30 (1,800 บาท) แต่เดี๋ยวนี้เค้ามีเทคนิคการขายที่เหนือชั้นกว่าคือทำเป็นว่า ครีมกันแดด แล้วมี makeup base ในตัว (ว่าเข้าไปน่านนน..จริงๆมันก็ขาวสว่างด้วยตัวเองอยู่แว้ว – -”) แต่จริงๆอะฮั้นก็รับได้นะคะ เพราะหน้าขาวๆ ก็ยังดีกว่าหน้าดำๆอ่ะเคอะ แล้วก็ยังมีพวกสูตรโลชั่นน้ำ ต้องเขย่าๆก่อนใช้! อิอิ ( คิดถึงอารายยกันค้า…ทะลึ่งนะคะเนี่ย!! คนเดียวเลยสิ เนี่ย!! ) อ่ะเข้าเรื่องต่อครีมกันแดดแบบนี้ชอบมากๆเป็นการส่วนตัว เพราะให้ความรู้สึกไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ ที่ใช้อยู่เช่น Sunplay Powdery White SPF47+ (299 บาท) ถ้าแพงหน่อยก็ Anessa จาก Shiseido (ประมาณ 1,200 บาท) ((ไม่ได้ซื้อนานพอสมควร ไม่แน่ใจว่าราคาขึ้นไปเท่าไหร่แล้วค่ะ…มีฝากเพื่อนซื้อจากญี่ปุ่นบ้าง ราคาจึงค่อนข้างถูกกว่าที่นี่ แต่ช่วงหลังๆ ขี้เกียจรอเพื่อนเลยซื้อ Sunplay ใช้ ยี่ห้อ Biore ก็มีขายแล้วนะคะ ราคาน่าจะอยู่ที่ 270-350 บาทค่ะ ลองซื้อมาใช้แล้วเหมือนกันค่ะแต่จำราคาไม่ค่อยได้))
  • ส่วนครีมกันแดดแบบ Chemical ก็มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแล ผิวให้มากขึ้น อย่าง RoC Minesol SPF 30 Anti-Shine Emulsion (800 บาท) ที่ช่วยยับยั้งความมันได้ Lancome Absolue Soleil Absolute Replenishing Protective Face Cream SPF 50 ( 2,800 บาท) ช่วยลดริ้วรอย และจุดด่างดำค่ะ

ครีมกันแดดแบบ Water Resistant เช่น The Body Shop Protect it! Sun Lotion for Body SPF25 PA++ (890 บาท) ส่วนสูตร Very Water Resistant เช่น SpectraBAN Sunblock Cream SPF 60 (225 บาท) ค่ะ

ที่มา: คุยเฟื่อง เรื่องครีมกันแดด (ตอนจบ) ใน เวชสำอางค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น